วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553

"ชั่งหัวมัน"...โครงการในพระราชดำริ

จิตอาสาเพื่อสังคมอุดมสุข

ได้กลับบ้านเกิดในวันหยุดยาววันพ่อ คุณพ่อก็ชวนขับรถเที่ยว
อำเภอ เล็กๆ ในจังหวัดเพชรบุรี อย่างอำเภอท่ายาง ไม่ได้มีที่เที่ยวน่าสนใจไปกว่า ชะอำ หัวหิน จึงนึกไม่ออกว่าจะขับรถไปเที่ยวที่ไหนได้อีกนอกจากสองที่นั้น

คำ เชิญชวนต่อมาของพ่อชวนให้รู้สึกสนใจขึ้นไปอีก เพราะพ่อบอกว่า "ไปดู ไร่ที่ในหลวงซื้อเอาไว้ไหม" 
พ่อเล่าต่อว่า ไร่นั้นอยู่ห่างไกลความเจริญ ถนนราดยางยังเข้าไม่ถึง ไฟฟ้าไม่มี แต่พระองค์ท่านทรงปลูกบ้านอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว

บ้านมี สองหลัง 
หลังแรกของในหลวง หลังที่สองของพระเทพฯ ราชการทูลเกล้าถวายเลขที่ บ้าน เลขที่ กับเลขที่ ให้ 

ฟัง ทีแรกก็ไม่เข้าใจว่าพระองค์ท่านจะไปซื้อที่ดินในที่ทุรกันดาร แถมยังปลูกบ้านไว้ที่นั่นทำไม
ในเมื่อปัจจุบันพระองค์ท่านก็อาศัยอยู่ ที่หัวหินเป็นกิจลักษณะแล้ว

แถมพ่อยังบอกอีกว่า ขับรถเข้าไปในที่ดินได้เลยนะ ทหารเขาให้เข้า ก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าเราจะเข้าไปขับรถเล่นในเขตพระราชฐานกันได้ยังไง ด้วยความอยากรู้ อันนี้ก็ต้องพิสูจน์กันดู

จากตัวอำเภอท่ายาง ขับเลี้ยวเข้าไปทางตำบลเขากระปุก ถนนเริ่มเล็กลงเรื่อยๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยไร่นา นั่งมองต้นไม้ไปได้สักครู่ สองข้างถนนก็เริ่มมีธงชาติ ธงเหลือง ธงฟ้า และธงม่วง พร้อมตราสัญลักษณ์ของแต่ละพระองค์ (ราชาศัพท์เรียกอะไร??) ติดเต็มไปตลอดทาง

ดูจากเสาธงก็รู้ว่าเป็นธงที่ชาวบ้านช่วยกันทำ ขึ้นอย่างตั้งใจเพื่อรับเสด็จ ข้างๆ ธงมีร่องรอยตะเกียงน้ำมันอย่างง่าย (หรืออาจเรียกได้ว่าคบไฟ) เพื่อรอรับเสด็จในเวลากลางคืน ทั้งธงและคบไฟบ่งบอกได้ว่าข่าวของพ่อไม่ผิด เรากำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้ไร่ของในหลวงเข้าไปทุกขณะ

ในขณะที่นั่ง ชมทิวธงและคบไฟไปได้จนเริ่มง่วง ถนนราดยางก็เปลี่ยนเป็นถนนลูกรัง ฝุ่นคลุ้งตลบ แต่เราคงมาไม่ผิดทางแน่ เพราะทิวธงยังคงอยู่

มองไปแต่ ไกลเห็นภูเขาขนาดย่อมอยู่ตรงหน้า กังหันผลิตไฟฟ้าประมาณสิบกว่าต้น สูงเด่น มีรถทะเบียนกรุงเทพฯ วิ่งสวนมาเป็นระยะ ฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มถนนแคบ

รั้ว ลวดหนามทอดตัวยาวไกล ต้นไม้หลากหลายชนิดเรียงตัวเป็นระเบียบอยู่ในนั้น เขื่อนดินขนาดใหญ่ พร้อมศาลาเก้าเหลี่ยมสูงเด่น เราเดินทางมาถึงไร่ของในหลวงกันแล้ว

เมื่อแลกบัตรที่ป้อมทหาร และเลี้ยวรถเข้าไป ก็เพิ่งถึงบางอ้อ
ที่ดินจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่ว่า ไม่ใช่ไร่ที่ซื้อเอาไว้หลบหนีความวุ่นวายในเมืองหลวง หรือใช้ตากอากาศ แต่มันคือที่ดินเพื่อใช้เป็น โครงการในพระราชดำริ ที่มีชื่อมันๆ ว่า "โครงการชั่งหัวมัน"











ดูจากวันที่ตั้งโครงการ คาดว่าน่าจะเป็นโครงการล่าสุดเลยทีเดียว
พอได้เดินเข้าไปในโครงการก็ เกิดอาการซาบซึ้ง เพราะไม่นึกว่าในหลวงที่เราเห็นในทีวีที่แทบไม่มีแรงยกมือ กลับยังมีใจ + มีไฟ ริเริ่มโครงการใหม่ๆ ในถิ่นที่อยู่ห่างไกลความเจริญอยู่ตลอดเวลา ไม่มีหยุด

ดูจากบอร์ด ภายในโครงการ อธิบายว่า โครงการนี้เป็นเสมือนแปลงทดลองปลูกพืช เศรษฐกิจในท้องถิ่น อันได้แก่ มะนาว มะพร้าว ชมพู่ เพชร และพืชไร่ พืชสวน อะไรอีกจิปาถะมากมายที่ไม่รู้จัก หรือไม่มีความรู้พอจะเขียนถึง

มีการขุดบ่อ (หรือในโครงการคือเขื่อน) 
เพื่อเก็บกัก น้ำ มีกังหันและโซล่าเซลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เหมือน จะเป็นแบบทดลองตัวอย่างแก่เกษตรกรโดยรอบ เพื่อเพิ่มคุณภาพให้ผลผลิต แบบ พึ่งพาตัวเอง 

และเหนือสิ่งอื่นใด พอมีข่าวในหลวงเสด็จมาตั้งโครงการปั๊บ ชาวบ้านแถวนั้นก็ดีใจกันยกใหญ่ หลายคนถวายแรงกายแรงใจ เข้ามาช่วยงานในโครงการฟรี ชาวบ้านบางคนที่ทำงานอยู่ในนั้น พูดอวดใครต่อใครที่มาเยือนว่าได้ก้มลงกราบฝ่าพระบาทถวายตัวรับใช้งาน พูดไปน้ำตาไหลไป มีความภาคภูมิใจในถิ่นที่เกิดและอาชีพของตัวเอง

นี่ คือเรื่องราวๆ ดีๆ เพียงไม่กี่เรื่องในรอบปีที่ได้รู้แล้วก็อยากเอามาเล่าต่อ

ในขณะที่ กลุ่มแอนตี้รอยัลลิสต์ ที่เขียนโจมตีโครงการในพระราชดำริในเว็บบอร์ดของตัวเองว่าเป็นโครงการที่ไม่ เคยผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย

วันนี้อยาก พูดกรอกหูคนเหล่านั้นว่า อย่างน้อยโครงการนี้ก็เป็นโครงการที่เกิดจากพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ มีประโยชน์เพื่อการพัฒนารากเหง้าของชาวบ้านที่แท้จริง ไม่ต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับมาตรฐานฝรั่ง แต่เอารากที่เมืองไทยมี คือการเกษตร มาพัฒนา ไม่ต้องพึ่งพาพลังงานน้ำมัน ไม่ต้องตามตลาดโลก ไม่ต้องป่าวประกาศ ไม่ต้องออกข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ทำอย่างเงียบๆ ทำดีอย่างที่ในหลวงบอกคนไทยเสมอว่าเป็นการ "ปิดทองหลังพระ" อย่างแท้จริง
และ งานแบบนี้ ถ้าในหลวงไม่ทำ ก็อย่าหวังว่ารัฐบาลชุดไหนจะมาทำให้คนไทย รับรองได้ว่าไม่มีแน่ๆ
แถมท้าย

หลังจากกลับมาค้นข้อมูลเกี่ยวกับ โครงการนี้ในอินเตอร์เน็ต

ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับชื่อที่มาของ โครงการว่า

ตอนที่ในหลวงเสด็จมาที่ที่ดินนี้ครั้งแรกๆ มีชาวบ้านเอาหัวมันมาถวาย

แต่ยังไงไม่รู้ ในหลวงทรงลืมเอาหัวมันกลับไปด้วย พอกลับมาที่ที่ดินนี้อีกที หัวมันนั้นก็เริ่มงอกขึ้นมาเป็นต้น

เมื่อถึงเวลา ก็พระราชทานชื่อโครงการนี้ว่า "โครงการชั่งหัวมัน"

ถ้าใครได้ติดตาม ผลงานของในหลวงมาตลอด ก็จะรู้ว่า ในหลวงท่านทรงมีเอกลักษณ์ในการตั้งชื่อแบบนี้ ชื่อไทย+จำง่าย+ มีอารมณ์ขัน

หลาย คนต่างก็ตีความคำว่า ชั่งหัวมัน ไปต่างๆ นานา แต่การตีความไปได้ต่างๆ ก็เป็นเสน่ห์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งของการตั้งชื่อ ดังนั้น แล้วแต่ใครจะไปคิดเป็นอะไรก็แล้วกัน

แต่ส่วนตัวของกระผม คิดว่าพระองค์ท่านน่าจะมีความสุขทีเดียวที่ได้ทำงานนี้ การได้เลี้ยวรถจากหัวหินมาแวะที่โครงการชั่งหัวมัน ถ้ามันสร้างความสุขให้พระองค์ท่านได้ สร้างความสุขให้กับชาวบ้านแถวนี้ได้ ผลผลิตทางการเกษตรก็ถือเป็นของแถมไปแล้ว
โครงการชั่งมัน ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองคอกไก่ ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี

ภาพข้างล่างคือ บ้านพักส่วนพระองค์ของในหลวง บ้านเลขที่ 1 เด่นเป็นสง่าภายในโครงการ 







ขอบคุณข้อมูลจากกัลยาณมิตร

วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

เชิญร่วมงานปฏิบัติธรรมประจำปี2553


จิตอาสาเพื่อสังคมอุดมสุข

เชิญสาธุชนผู้สนใจเข้าร่วมงาน ปฏิบัติธรรมประจำปี

สั่งสมกุศลบารมีให้กับชีวิต พร้อมทั้งถวายเป็นพระราชกุศล

แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าุ่ อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ณ.วัดป่าบ้านพันลำ ต.วิศิษฐ์ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย

ในวันจันทร์ที่ ๘ มีนาคม ถึงวันอาทิตย์ที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๓

กิจกรรมในงานผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรม รักษาศีล ๘ สวดมนต์ไหว้พระ

ฟังธรรม เจริญสมถ วิปัสสนากรรมฐาน เพื่อชำระกาย วาจา ใจ ให้ผ่องใส

บรรยากาศสิ่งแวดล้อมของวัดเป็นป่า ธรรมชาติ ติดลำำ้น้ำโขง

อากาศสดชื่นบริสุทธิ์ เหมาะแก่การอบรมขัดเกลาจิตใจด้วยหลักธรรม ศีล

สมาธิ ปัญญา มีคณาจารย์ ทั้งฝ่ายบรรพชิตและฆราวาส มาให้ความรู้ตลอดงาน

ช่วงเช้าๆของทุกวัน มีการบริหารกาย บริหารจิต ด้วยวิถีีแ้ห่งโยคะ จากครูสอนโยคะ

ผู้มีประสบการณ์ พร้อมทั้งท่านผู้มีความรู้เกี่ยวกับสุึขภาพ มาบรรยายให้ความรู้

เกี่ยวกับการดุแลสุขภาพด้วยตนเอง ผู้เข้าร่วมงานไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ยกเว้นการบริจาค

เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในกิจกรรมตาม กำลังศรัทธา ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นผู้เข้าร่วมงานอบรมธรรม

ต้องเตรียมไปเอง การแต่งกายใช้ชุดขาว หรือชุดสุภาพ โอกาสนี้ จึงบอกข่าวมายังท่านผู้สนใจไปร่วมงานกันได้ตามวันเวลาดังกล่าว จะเข้าร่วมกี่วันก็ได้ ไม่ได้กำหนดว่าต้องอยู่ครบทั้งเจ็ดวัน เจ็ดคืน ตามแต่ความพร้อมและความสะดวก

ติดต่อสอบถามได้ที่ วัดป่าบ้านพันลำ ต.วิศิษฐ์ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ๔๓๑๔๐

Email - watphanlam@gmail.com

โทร..๐๔๒-๐๒๔๑๐๑

...... ๐๘๑-๓๖๙๔๐๕๔



ขอความสุขความเจริญในศีลธรรมจงมีแด่สาธุชนทุกคนทุกท่าน..ธรรมรักษา

ผลบุญผลประโยชน์แห่งศีลของคนมีศีล ๕ ประการ

๑.ได้ทรัพย์สมบัติมาก เพราะเหตุแห่งความไม่ประมาท

๒.ชื่อเสียงอันดีงามย่อมฟุ้งเฟื่องไป

๓.เป็นผู้แกล้วกล้า ไม่ขวยเขินเข้าไปหาหมู่อื่นๆ

๔.ไม่ตายไปด้วยความหลงผิด

๕.ตายแล้วย่อมเข้าถึงความสุขสบายใน โลกสวรรค์

(พุทธพจน์ จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ ข้อ ๖๙ )


เครื่องหมายของ Facebook

ShareThis

ป้ายกำกับ

Powered By Blogger

ค้นหาบล็อกนี้

พระธรรมาภิวัฒน์'s space

เพื่อชีวิตจิตสำนึกที่ดีงาม

ผู้ติดตาม

Network